ปอกเปลือกกล้วยให้เรียบร้อย ล้างน้ำให้สะอาด และนำมาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ 2. ใส่ หัวกะทิ 500 ml ลงในหม้อ เติม น้ำตาลอ้อย 2 ช้อนโต๊ะ (สูตรนี้ไม่หวานมากนะคะ ใครชอบหวานมากใส่เพิ่มได้เลย) และคนให้น้ำตาลละลาย จากนั้นใส่ เกลือป่น ลงไปเล็กน้อยแค่ปลายช้อน ตั้งไฟกลาง พอกะทิเดือดเล็กน้อย ใส่กล้วยที่หั่นไว้ลงไปได้เลย 3. หลังจากใส่กล้วยลงไปแล้ว ต้มต่อให้กะทิเดือดอีกเล็กน้อย ก็เป็นอันเรียบร้อยแล้วค่ะ เมนูกล้วยบวชชี ไม่ยากอย่างที่คิดเลยค่ะ อร่อยด้วย เมนูที่ 2 แพนเค้กกล้วยน้ำว้า (เมนูนี้เกศยังไม่เคยทานมาก่อนด้วย มาลองทำกันค่ะ) -กล้วยน้ำว้าสุก 10 ลูก -ไข่ไก่ 2 ฟอง -น้ำมันมะกอก นิดหน่อยแค่พอไม่ติดกระทะ 1. ปอกเปลือกกล้วยน้ำว้าออกให้เรียบร้อย ใส่ถุงมือใช้มือบี้กล้วยให้พอละเอียด 2. ตอกไข่ 2 ฟอง และคนให้เข้ากัน 3. ฉีดน้ำมันมะกอกลงในกระทะเล็กน้อย พอเริ่มร้อนใส่กล้วยลงไป ทำให้กล้วยเป็นแผ่นกลมๆ (ดูเหมือนไข่เจียวเลยค่ะ) 4. พอด้านล่างเริ่มสุก ให้พลิกกลับกล้วยอีกด้านหนึ่ง (เกศพลิกไม่สวยเลยค่ะ ไม่เคยทำได้สวยเลย 555) ครั้งหน้าคงต้องทำให้ชิ้นเล็กลงกว่านี้ จะทำให้พลิกกลับด้านง่ายขึ้น และเป็นรูปทรงที่สวยงามมากขึ้นค่ะ 5. นำแผ่นกล้วยมาวางซ้อนกัน และราดด้วยน้ำผึ้งหอมๆ หวานๆ ยามบ่าย ได้พักจิบชา และทานของหวาน ก็ความสุขแล้วค่ะ ครั้งแรกกับแพนเค้กกล้วยน้ำว้า หน้าตาดูไม่สวยงาม แต่รสชาติอร่อยมากนะคะ เหมือนคำกล่าวที่ว่า อย่าตัดสินใคร จากรูปลักษณ์ภายนอก ^^ เมนูที่ 3 แยมกล้วยน้ำว้า (เมนูนี้ เกศเพิ่งคิดขึ้นมาเอง สดๆร้อนๆ เลยค่ะ ทำง่ายๆ อร่อยๆเลย) -กล้วยน้ำว้าสุกงอม 12 ลูก -เนยสดรสเค็ม 50 g -น้ำเปล่า 1 ถ้วยเล็ก -เกลือป่น เล็กน้อย 1.
ช่วย ลดน้ำหนัก ในลิสต์ผลไม้ช่วยลดน้ำหนักก็มีกล้วยน้ำว้าเป็นหนึ่งในนั้นด้วย โดยเฉพาะหากกินกล้วยน้ำว้าก่อนรับประทานอาหารสัก 1 ผล น้ำตาลในกล้วย คาร์บ และไฟเบอร์ที่กล้วยมีจะช่วยให้เรารู้สึกอิ่ม ทำให้กินข้าวได้น้อยลง และลดอาการหิวบ่อยได้ด้วยล่ะ แต่ทั้งนี้ก็ไม่ควรกินกล้วยน้ำว้าเกิน 4 ผลต่อวันนะคะ เพราะกล้วยน้ำว้า 4 ผล จะให้ปริมาณน้ำตาลที่มากเกินความต้องการของร่างกาย อาจทำให้น้ำตาลสะสมจนเป็นไขมันอันก่อให้เกิดความอ้วนได้นั่นเอง 11. ป้องกันโรคโลหิตจาง กล้วยน้ำว้าเป็นผลไม้ที่มีธาตุเหล็กอยู่ในตัว ช่วยกระตุ้นการสร้างฮีโมโกลบิน ป้องกันภาวะโลหิตจาง ทั้งยังช่วยให้พลังงานกับผู้ที่อ่อนแรงได้ด้วย 12. ลดความดันโลหิต โพแทสเซียมในกล้วยน้ำว้าคือสารอาหารสำคัญที่มีส่วนช่วยคงระดับความดันโลหิตให้สมดุล ดังนั้นคนที่เป็นโรคความดันสูง พยายามกินกล้วยน้ำว้าให้ได้ทุกวันนะคะ 13. แคลเซียมสูง บำรุงกระดูกและฟัน นพ. พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ ประธานคณะกรรมการสาธารณสุข และนายกสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย แนะนำให้กินกล้วยเสริมแคลเซียมให้ร่างกาย โดยกินกล้วยห่าม ๆ ที่นำไปปิ้งจะยิ่งดี เพราะแคลเซียมจะดูดซึมได้มากขึ้นถึง 4 เท่า ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน ทั้งยังป้องกันภาวะกระดูกพรุนในผู้หญิงอายุ 40 ปีขึ้นไป 14.
โพสเมื่อ 18/06/2015 11:59 น. เชื่อว่าทุกคนคงรู้จักกล้วยน้ำว้าและอาจเป็นผลไม้สุดโปรดของอีกหลายๆนะคะ วันนี้ ไข่เจียว จะขออนุญาตินำเสนอคุณประโยชน์จากกล้วยน้ำว้า มาให้เพื่อนๆ ทุกคนได้รู้จัก กล้วยน้ำว้ากันมากขึ้นนะคะ กล้วยน้ำว้า เป็นกล้วยสายพันธุ์หนึ่งที่พัฒนาสายพันธ์มาจากกล้วยป่ากับกล้วยตานี นิยมปลูกบริโภคกันอย่างแพร่หลาย เพราะปลูกง่าย และมีรสชาติดี กล้วยน้ำว้าจะมีคุณประโยชน์ต่างกันดังนี้ 1. กล้วยดิบ เปลือกภายนอกสีเขียวเข้ม ช่วยแก้โรคกระเพาะได้ดีเนื่องจากมีสารแทนนิน ซึ่งมีฤทธิ์ในการเคลือบรักษากระเพาะและลำไส้ป้องกันการติดเชื้อ และด้วยตัวกล้วยดิบเองซึ่งมีฤทธิ์ในการลดกรดในกระเพาะ จึงเป็นยาทางธรรมชาติที่รักษาโรคกระเพาะที่ดีกว่ายาแผนปัจจุบันทั่วไป กล้วยดิบไม่สามารถรับประทานสดๆได้ วิธีการจึงต้องนำกล้วยมาฝานเป็นแว่นๆแล้วอบด้วยความร้อนต่ำไม่เกิน 50 องศา จนแห้งแล้วนำมาบดเป็นผง รับประทานครั้งละ 1 ช้อนชา 3 ครั้งก่อนอาหาร โดยสามารถผสมกับน้ำผึ้งเพื่อให้รสชาติดีขึ้นง่ายต่อการรับประทาน 2. กล้วยห่าม หรือกล้วยกึ่งดิบกึ่งสุก เปลือกภายนอกสีเหลืองแต่มีสีเขียวประปราย สามารถรับประทานได้สดๆ รสชาติไม่หวานจัดอาจติดรสฝาดเล็กน้อย กล้วยห่ามมีโพแทสเซียมสูง จึงให้ผลดีกับผู้มีอาการท้องเสียเนื่องจากผู้ป่วยจะสูญเสียโพแทสเซียมออกจากร่างกายมาก ซึ่งหากขาดมากอาจมีผลกระทบกับการเต้นของหัวใจ นอกจากนี้กล้วยห่ามยังช่วยหล่อลื่นลำไส้ และเพิ่มกากใยในการขับถ่ายให้กับผู้ป่วย สารเซโรโทนินในกล้วยห่ามยังช่วยออกฤทธิ์ กระตุ้นให้ผนังกระเพาะอาหารสร้างเยื่อเมือกมากขึ้น ช่วยเคลือบแผลในกระเพาะอาหารได้อีกด้วย 3.
นำกล้วยมาทับกันก่อนค่ะ เกศใช้กระดาษไขวางรอง ค่อยๆทับนะคะ กล้วยสุกมาก จะแตกง่าย ตอนนี้คือกลิ่นหอมมากเลยค่ะ 4.
ลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุนในผู้หญิงเร่ิมเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนและผู้หญิงสูงอายุ เพราะกล้วยน้ำว้าห่าม มีแคลเซียมสูง หากนำไปปิ้งหรือต้มปริมาณแคลเซียมจะเพิ่มขึ้น 5-6 เท่า แนะ กินกล้วย ป้ิงหรือต้มวันละ 1 ลูก จะได้แคลเซียมในปริมาณที่เพียงพอ 9. ดีท็อกซ์ลำไส้ ช่วยให้ถ่ายง่ายแล้ว ลำไส้สะอาด เพราะช่วยกำจัดแบคทีเรียที่เกิดจากการกินเนื้อสัตว์มากจนอุจาระมีกลิ่นเหม็น แนะนำให้กินกล้วยน้ำว้าห่ามวันละ 4 ลูกเป็นเวลา 1 อาทิตย์ อุจจาระไม่เหม็น 10. แก้ปัญหาปากเป็นแผล ร้อนใน ช่วยให้ปากไม่เหม็น 11. ป้องกันโรคโลหิตจาง เพราะกล้วยน้ำว้าห่ามมีธาตุเหล็ก 12. บำรุงเหงือกและช่วยป้องกันฟันผุ จากแคลเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามินซี: วิธีกินกล้วยน้ำว้าห่ามให้ได้ประโยชน์: ลักษณะกล้วยน้ำว่าห่ามที่เหมาะกับการกินเพื่อสุขภาพที่ดี ดร. พรเทพ บอก ปอกเปลือกแล้วเนื้อไม่เละ เปลือกมีปุยติด และรสชาติไม่หวาน วิธีการกินกล้วยน้ำว้าห่ามที่ถูกต้อง ปอกเปลือกจากบนลงล่าง เริ่มกินจากข้างบนลงไป คำแรกๆ จะรู้สึกฝาดจากยางกล้วย แต่ยางนี้คือ ยาวิเศษ มีส่วนผสมของเพคติน ช่วยรักษาแผลในปาก ช่วยเคลือบกระเพาะป้องกันการเกิดโรคกระเพาะและกรดไหลย้อน โรคทางเดินอาหาร ค่อยๆ กินและเคี้ยวให้ละเอียดจนกินถึงปลายลูก ยางกล้วยจะค่อยๆ หมด จนกินคำสุดท้ายจะได้รสชาติหวานพอดี เห็นหรือยัง!
อ่าน 70.
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก. ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์
ประโยชน์ของกล้วย น้ำว้าห่ามเยอะขนาดนี้ ใครที่เคยเมิน คงต้องกลับมาคิดใหม่ ทำใหม่ หากอยากสวย สุขภาพดี เวลาไปจ่ายตลาดหรือเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ต อย่าลืมซื้อกล้วยน้ำว้ามาติดบ้านไว้นะ อ่านข่าวที่น่าสนใจ